บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อ 1) ศึกษาองค์ประกอบการบริหารจัดการเรียนรู้ตามแนวสะเต็มศึกษา (STEM) ที่มีประสิทธิผล ของโรงเรียนมัธยมศึกษาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2) สร้างและพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการเรียนรู้ตามแนวสะเต็มศึกษา (STEM) ที่มีประสิทธิผลของโรงเรียนมัธยมศึกษาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 3) ตรวจสอบและยืนยันรูปแบบการบริหารจัดการเรียนรู้ตามแนวสะเต็มศึกษา (STEM) ที่มีประสิทธิผลของโรงเรียนมัธยมศึกษาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่พัฒนาขึ้น โดยใช้ระเบียบวิธีการวิจัยและพัฒนา (Research and Development : R&D) โดยแบ่งเป็น 3 ระยะ คือ ระยะที่ 1 การศึกษาองค์ประกอบและตัวชี้วัดของการบริหารจัดการเรียนรู้ตามแนวสะเต็มศึกษา (STEM) โดยการสังเคราะห์เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง การสัมภาษณ์เชิงลึกผู้เชี่ยวชาญ ประเมินองค์ประกอบและตัวชี้วัดการบริหารจัดการเรียนรู้ตามแนวสะเต็มศึกษา โดยผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 7 คน ได้แก่ อาจารย์ที่ปรึกษาด้านวิชาการสะเต็มศึกษา ทูตสะเต็มศึกษา ผู้บริหารและครูผู้สอนสะเต็มศึกษาโรงเรียนมัธยมศึกษาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ระยะที่ 2 การสร้างและพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการเรียนรู้ตามแนวสะเต็มศึกษา (STEM) ที่มีประสิทธิผล ของโรงเรียนมัธยมศึกษาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ศึกษาสภาพปัจจุบันและสภาพที่พึงประสงค์ของการบริหารจัดการเรียนรู้ ตามแนวสะเต็มศึกษา (STEM) ของโรงเรียนมัธยมศึกษาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การวิจัยเชิงสำรวจ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาขั้นตอนนี้ ได้แก่ ผู้บริหารและครูผู้สอนโรงเรียนมัธยมศึกษาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่จัดการเรียนรู้ตามแนวสะเต็มศึกษา ปีการศึกษา 2562 จำนวน 320 คน จาก 40 โรงเรียน นำข้อมูลที่ได้มาสร้างและพัฒนารูปแบบ ระยะที่ 3 การตรวจสอบและยืนยันรูปแบบการบริหารจัดการเรียนรู้ตามแนวสะเต็มศึกษา (STEM) ที่มีประสิทธิผล ของโรงเรียนมัธยมศึกษา ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยดำเนินการจัดการสนทนากลุ่ม (Focus Group Discussion) โดยผู้เชี่ยวชาญจำนวน 9 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลการวิจัย ประกอบด้วย แบบสัมภาษณ์แบบไม่มีโครงสร้าง แบบสอบถามชนิดมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) แบบประเมินรูปแบบการบริหาร สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ความถี่ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการวิจัย พบว่า
1. องค์ประกอบหลักและองค์ประกอบย่อยการจัดการเรียนรู้ตามแนวสะเต็มศึกษาของโรงเรียนมัธยมศึกษา ประกอบด้วย 6 องค์ประกอบหลัก 23 องค์ประกอบย่อย 77 ตัวชี้วัด ดังนี้ 1) ด้านการวางแผนบริหารมี 4 องค์ประกอบย่อย 15 ตัวชี้วัด 2) ด้านการพัฒนาบุคลากร มี 3 องค์ประกอบย่อย 11 ตัวชี้วัด 3) ด้านกาพัฒนาหลักสูตรมี 4 องค์ประกอบย่อย 13 ตัวชี้วัด 4) ด้านการจัดการเรียนรู้ตามแนวสะเต็มศึกษา มี 5 องค์ประกอบย่อย 17 ตัวชี้วัด 5) ด้านการนิเทศการจัดการเรียนรู้ตามแนวสะเต็มศึกษา มี 4 องค์ประกอบย่อย 12 ตัวชี้วัด 6) ด้านการสร้างเครือข่ายการเรียนรู้ตามแนวสะเต็มศึกษา มี 3 องค์ประกอบย่อย 9 ตัวชี้วัด
2. รูปแบบการบริหารจัดการเรียนรู้ตามแนวสะเต็มศึกษา (STEM) ที่มีประสิทธิผล ของโรงเรียนมัธยมศึกษา ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีองค์ประกอบของรูปแบบ ดังนี้ 1) หลักการของรูปแบบ 2) จุดมุ่งหมายของรูปแบบ 3) เนื้อหา 4) กระบวนการดำเนินการตามรูปแบบบริหารสะเต็มศึกษา (STEM) 5) การติดตามและประเมินผล
3. ประสิทธิผลของรูปแบบการบริหารจัดการเรียนรู้ตามแนวสะเต็มศึกษา (STEM) ที่มีประสิทธิผล ของโรงเรียนมัธยมศึกษาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พบว่า มีความเหมาะสมโดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (= 4.78) มีความเป็นไปได้โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (= 4.72)
Abstract
The purposes of this research were to 1) examine the components of Learning Management for the Effectiveness of STEM Education of Secondary Schools in the Northeast, Thailand. 2) establish a model of Learning Management for the Effectiveness of STEM Education of Secondary Schools in the Northeast, Thailand. 3) Examine and confirm of a model. This research and development approach (R&D) was performed in three phases: Phase I: Model Investigation of STEM Education through document analysis, experts’ in-depth interviews Evaluate the components and indicators of learning management according to the STEM education with 7 experts, Including academic consultants, STEM Ambassador. Director and Teachers of STEM Education in Secondary Schools in the Northeast, Thailand. Phase ll: Developing a Model of Learning Management for the Effectiveness of STEM Education of Secondary Schools in the Northeast, Thailand. Study of Current and Desirable Conditions, of Learning Management for the Effectiveness of STEM Education of Secondary Schools in the Northeast, Thailand. A survey research with 320 director and teacher from 40 schools working in Secondary Schools in the Northeast, Thailand in 2019 academic year; Phase lll:. Confirmation based on Connoisseurship with 9 experts by conducting focus group discussion. The research instruments included an unstructured interview from, a set of rating scale questionnaires, and a model assessment form. Data were analyzed through frequency, percentage, mean and standard deviation.
The findings were as follows:
1. Model Investigation of STEM Education through document analysis Primary components and sub-elements Learning management according to the full education line of secondary schools consists of 6 main elements 23 sub-elements 77 indicators as follows: 1) administrative planning, comprising 4 sub-elements of 15 indicators. 2) Personnel development comprising 3 sub-elements 11 indicators 3) Curriculum development comprising 4 sub-elements, 13 indicators. 4) learning management according to the Stem Study comprising 5 sub-elements 17 indicators 5) supervision of learning management based on the full line of education, comprising 4 sub-elements 12 indicators, 6) building a network of learning according to the full-line education comprising 3 sub-elements 9 indicators.
2. a Model of Learning Management for the Effectiveness of STEM Education of Secondary Schools in the Northeast, Thailand. Included 5 components: 1) principle 2) objectives 3) Content 4) Process implementation according to the STEM model 5) measurement and evaluate.
3. Effectiveness of Development of a Model of Learning Management for the Effectiveness of STEM Education of Secondary Schools in the Northeast, Thailand. Revealed that the model was appropriate at the highest level in overall (= 4.78) with the overall possibility. Is at the highest level (= 4.72)
คำสำคัญ
การพัฒนารูปแบบ, การบริหาร, การจัดการเรียนรู้ตามแนวสะเต็มศึกษาKeyword
Model Development, Learning Management, STEM Educationกำลังออนไลน์: 75
วันนี้: 1,726
เมื่อวานนี้: 1,740
จำนวนครั้งการเข้าชม: 56,925
อาคารบัณฑิตวิทยาลัย ชั้น 2 ตำบลธาตุเชิงชุม อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร 47000 โทร/ แฟกซ์ 0-4297-0036
บรรณาธิการ: รองศาสตราจารย์ ดร.ไชยา ภาวะบุตร
ติดต่อ/สอบถาม: นายธีรเวทย์ เพียรธัญญกรณ์
โทร: 0-4297-0093