Download PDF

การพัฒนาชุดกิจกรรมการคิดแบบฮิวริสติกส์ร่วมกับการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD ที่มีผลต่อเจตคติทางการเรียนทักษะการแก้โจทย์ปัญหา และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4
Development of Activity Package think of forms Heuristics Cooperative Learning froms stad Affecting Attitudes toward Learning, Probiem solving skill and Learning Achievements in Learning Substance of Mathematics Education for Prathomsuksa 4 Students

ผู้แต่ง
เกริกเกียรติ สร้อยบุดดา, พูนสิน ประคำมินทร์, พัทธนันท์ ชมภูนุช

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อ 1) พัฒนาชุดกิจกรรมการคิดแบบฮิวริสติกส์ ร่วมกับการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD ของนักเรียน มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เปรียบเทียบเจตคติต่อการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนที่เรียนโดยใช้ชุดกิจกรรมการคิดแบบฮิวริสติกส์ร่วมกับการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD 3) เปรียบเทียบทักษะการแก้โจทย์ปัญหา ก่อนเรียนและหลังเรียน ของนักเรียนที่เรียนโดยใช้ชุดกิจกรรมการคิดแบบฮิวริสติกส์ร่วมกับการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD 4) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนที่เรียนโดยใช้ชุดกิจกรรมการคิดแบบฮิวริสติกส์ร่วมกับการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD และ 5) เจตคติทางการเรียน ทักษะแก้โจทย์ปัญหา ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่มีความถนัดทางการเรียนต่างกัน (สูง ปานกลาง และต่ำ) หลังเรียนโดยชุดกิจกรรมการคิดแบบฮิวริสติกส์ร่วมกับการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD มีความแตกต่างกันกลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนอนุบาลโสธิญาภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 จำนวน 27 คน ซึ่งได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ประกอบด้วยชุดกิจกรรมการคิดแบบฮิวริสติกส์ร่วมกับการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD แบบประเมินเจตคติก่อนเรียน แบบทดสอบวัดทักษะการแก้โจทย์ปัญหาแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าประสิทธิภาพ E­₁/E₂ สถิติทดสอบค่าที (t - test for Dependent Samples) การวิเคราะห์ความแปรปรวนพหุคูณร่วมทางเดียว (One-way MANCOVA) และการวิเคราะห์ความแปรปรวนร่วมทางเดียว (One-way ANCOVA)

ผลการวิจัย พบว่า

1. ประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการคิดแบบฮิวริสติกส์ร่วมกับการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD มีค่าประสิทธิภาพ E­1/E2 เท่ากับ 81.75/81.76 สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้คือ 80/80

2. เจตคติทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนโดยใช้ชุดกิจกรรมการคิดแบบฮิวริสติกส์ร่วมกับการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

3. ทักษะการแก้โจทย์ปัญหาของนักเรียนที่เรียนโดยใช้ชุดกิจกรรมการคิดแบบฮิวริสติกส์ร่วมกับการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

4. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนโดยใช้ชุดกิจกรรมการคิดแบบฮิวริสติกส์ร่วมกับการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

5. เจตคติทางการเรียนทักษะการแก้โจทย์ปัญหาและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่มีความถนัดทางการเรียนแตกต่างกัน (สูง ปานกลาง และต่ำ) หลังเรียนโดยใช้ชุดกิจกรรมการคิดแบบฮิวริสติกส์ร่วมกับการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

Abstract

The purposes of this study were to 1) development of Activity Package Think of Forms Heuristics Cooperative Learning forms STAD obtained efficiency of 80/80, 2) compare students’ attitudes toward mathematics before and after learning with Activity Package Think of Forms Heuristics Cooperative Learning forms STAD, 3) compare the skills to solve mathematics problems of the students before and after being taught by Activity Package Think of Forms Heuristics Cooperative Learning forms STAD, 4) compare learning achievements before and after learning of the students through Activity Package Think of Forms Heuristics Cooperative Learning forms STAD,5) attitudes toward mathematics, the skill to solve mathematics problems and The learning achievements of the students with different learning abilities (high, moderate and low), after learning using Activity Package  Think of Forms Heuristics Cooperative Learning forms STAD. there is different. The samples consisted of 27 PrathomSuksa 4 students in the first semester of 2016 academic year at Sotiya School collected by Purposive Sampling Technique. The tools used in this study were composed of : 1) Activity Package  Think of Forms Heuristics Cooperative Learning forms STAD, 2) form of attitude measurement toward mathematics, 3) a test of the skills to solve mathematics problems, 4) a test of mathematical achievement. The collected data were analyzed using mean, standard deviation, Effectiveness (E_­1/E₂), t – test (Dependent Samples), One - way MANCOVA and One – way ANCOVA.

The findings of this study were as follows:

1. Activity Package Think of Forms Heuristics Cooperative Learning forms STAD obtained efficiency of 80/80.

2. The students’ attitudes toward mathematics, after learning, using Activity Package Think of Forms Heuristics Cooperative Learning forms STAD were higher than before learning at the .05 level of significance.

3. The students’ the skills to solve mathematics problems, after learning, using Activity Package Think of Forms Heuristics Cooperative Learning forms STAD were higher than before learning at the .05 level of significance.

4. After learning, the students’ achievements in learning mathematics using Activity Package Think of Forms Heuristics Cooperative Learning forms STAD were higher than before learning at the .05 level of significance.

5. Attitudes toward mathematics, the skills to solve mathematics problems and The learning achievements, of the students with different learning abilities (high, moderate and low), after learning using Activity Package Think of Forms Heuristics Cooperative Learning forms STAD. there is different at the .05 level of significance.

คำสำคัญ

การคิดแบบฮิวริสติกส์, แบบร่วมมือเทคนิค STAD

Keyword

Think of Forms Heuristics, Cooperative Learning forms STAD

---