บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษา เปรียบเทียบ หาความสัมพันธ์ หาอำนาจพยากรณ์ และหาแนวทางการพัฒนาสมรรถนะประจำสายงานของครูที่ส่งผลต่อประสิทธิผลการจัดการเรียนรู้ของครูในโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสกลนคร โดยกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ผู้อำนวยการโรงเรียน หัวหน้างานวิชาการ และครูผู้สอน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสกลนคร ปีการศึกษา 2565 จำนวน 346 คน ประกอบด้วย ผู้อำนวยการโรงเรียน 45 คน หัวหน้างานวิชาการ 45 คน และครูผู้สอน 256 คน กำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างตามตารางของ Krejcie and Morgan และใช้การสุ่มกลุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้นภูมิ (Stratified Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลเป็นแบบสอบถาม แบบมาตราส่วนประมาณค่า 2 ด้าน คือ 1) สมรรถนะประจำสายงานของครู มีอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง 0.44 - 0.71 มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.79 2) ประสิทธิผลการจัดการเรียนรู้ของครู มีอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง 0.37 - 0.85 มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.78 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One - way Anova) การวิเคราะห์ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์อย่างง่ายของเพียร์สัน (Pearson’s Product-Moment Correlation Coefficient) และการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณแต่ละขั้นตอน (Stepwise Multiple Regression Analysis) ผลการวิจัยพบว่า 1. สมรรถนะประจำสายงานของครู โดยรวม อยู่ในระดับมาก 2. ประสิทธิผลการจัดการเรียนรู้ของครู โดยรวม อยู่ในระดับมาก 3. ผลการเปรียบเทียบสมรรถนะประจำสายงานของครู จำแนกตามสถานภาพ การดำรงตำแหน่งและประสบการณ์ในการปฏิบัติงาน พบว่า โดยรวมไม่แตกต่างกัน และจำแนกตามขนาดของโรงเรียน โดยรวมแตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 4. ผลการเปรียบเทียบประสิทธิผลการจัดการเรียนรู้ของครู จำแนกตามสถานภาพ การดำรงตำแหน่งและประสบการณ์ในการปฏิบัติงาน พบว่า โดยรวมไม่แตกต่างกัน และจำแนกตามขนาดของโรงเรียน โดยรวม แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 5. สมรรถนะประจำสายงานของครูกับประสิทธิผลการจัดการเรียนรู้ของครูมีความสัมพันธ์กันในทางบวกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 โดยมีความสัมพันธ์อยู่ในระดับสูง (rxy = 0.758) 6. สมรรถนะประจำสายงานของครู จำนวน 3 ด้าน 1) การสร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือกับชุมชนเพื่อการจัดการเรียนรู้ 2) การบริหารหลักสูตรและการจัดการเรียนรู้ และ 3) การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และการวิจัยเพื่อพัฒนานักเรียน ที่สามารถพยากรณ์ประสิทธิผลการจัดการเรียนรู้ของครู ได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 โดยมีอำนาจพยากรณ์ ร้อยละ 64.70 และ มีความคลาดเคลื่อนมาตรฐานของการพยากรณ์เท่ากับ .22624 7. แนวทางการพัฒนาสมรรถนะประจำสายงานของครู จำนวน 3 ข้อ ที่ส่งผลต่อประสิทธิผลการจัดการเรียนรู้ของครู คือ 1) การสร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือกับชุมชนเพื่อการจัดการเรียนรู้ 2) การบริหารหลักสูตรและการจัดการเรียนรู้ 3) การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และการวิจัยเพื่อพัฒนานักเรียน
Abstract
The purposes of this mixed method research were to examine, compare, determine the relationship, identify the predictive power, and establish guidelines for developing teachers functional competency affecting effectiveness learning management of teachers schools under the secondary educational Service Area Office Sakon Nakhon. The sample group, obtained through multi-stage random sampling and Simple Random Sampling, consisted of 45 school administrators 45 academic Supervisor and 256 teachers working in schools under The secondary educational service area office Sakon Nakhon. in the academic year 2022, yielding a total of 346 participants. The Krejcie and Morgan table was also applied for determining the sample size. The tools for data collection were interview forms and a set of questionnaires on teachers functional competency with the discriminative power ranging from 0.44 to 0.71 and the reliability of 0.79, and the effectiveness learning management of teachers with the discriminative power ranging from 0.37 to 0.85 and the reliability of 0.78. Statistics for data analysis were frequency, percentage, mean, standard deviation, One - way Anova, Pearson’s product-moment correlation coefficient, and Stepwise multiple regression analysis. The findings were as follows: 1. The teacher functional competency of were overall at a high level. 2. The effectiveness learning management of teacher were overall at a high level. 3. The comparison results revealed that the teacher functional competency as perceived by teacher, in terms of work experience and positions, overall and showed no differences, whereas there was a difference in school sizes at the .05 level of significance overall. 4. The comparison results revealed that the effectiveness learning management of teacher, in terms of work experience and positions, overall and showed no differences, whereas there was a difference in school sizes at the .01 level of significance overall. 5. The instructional teacher functional competency and the effectiveness learning management of teacher, in schools had a positive relationship at the .01 level of significance with a high level (rxy= .758) 6. The three aspects of teacher functional competency 1) Building relationships and collaboration with communities for learning management. 2) Curriculum administration and learning management. 3) Analysis synthesis and research for student development could predict the effectiveness learning management of teachers .01 level of significance. with the predictive power of 64.70 percent and the standard error of estimate of ±.22624. 7. The proposed guidelines for developing teacher functional competency affecting Effectiveness Learning Management of Teacher Schools under The Secondary Educational Service Area Office Sakon Nakhon. consisted of three aspects needing improvement: 1) Building relationships and collaboration with communities for learning management. 2) Curriculum administration and learning management. 3) Analysis synthesis and research for student development.
คำสำคัญ
สมรรถนะประจำสายงานของครู, ประสิทธิผลการจัดการเรียนรู้ของครูKeyword
Teacher Functional Competency, Effectiveness Learning Management of Teacherกำลังออนไลน์: 116
วันนี้: 930
เมื่อวานนี้: 1,743
จำนวนครั้งการเข้าชม: 14,516
อาคารบัณฑิตวิทยาลัย ชั้น 2 ตำบลธาตุเชิงชุม อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร 47000 โทร/ แฟกซ์ 0-4297-0036
บรรณาธิการ: รองศาสตราจารย์ ดร.ไชยา ภาวะบุตร
ติดต่อ/สอบถาม: นายธีรเวทย์ เพียรธัญญกรณ์
โทร: 0-4297-0093