บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา เปรียบเทียบ หาความสัมพันธ์ และหาแนวทางพัฒนาสมรรถนะด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของผู้บริหารกับประสิทธิผลการบริหารงานวิชาการ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 1 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ผู้บริหารโรงเรียน ครูที่รับผิดชอบด้านเทคโนโลยีและครูผู้สอน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 1 จำนวน 356 คน เป็นผู้บริหารโรงเรียน จำนวน 89 คน ครูที่รับผิดชอบด้านเทคโนโลยีจำนวน 89 คน และครูผู้สอนจำนวน 178 คน กำหนดกลุ่มตัวอย่างตามตารางของ Krejcie and Morgan และเลือกด้วยวิธีการสุ่ม การเก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามชนิดมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ คือแบบสอบถามสมรรถนะด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของผู้บริหาร มีค่าความเชื่อมั่น เท่ากับ .946 และแบบสอบถามประสิทธิผลการบริหารงานวิชาการ มีค่าความเชื่อมั่น เท่ากับ .971 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าที การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว และการวิเคราะห์ ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์อย่างง่ายของเพียร์สัน
ผลการวิจัย พบว่า
1. สมรรถนะด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของผู้บริหารโดยรวม และรายด้านอยู่ในระดับมาก
2. ประสิทธิผลการบริหารงานวิชาการโรงเรียนโดยรวม และรายด้านอยู่ในระดับมาก
3. การเปรียบเทียบสมรรถนะด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของผู้บริหาร สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 1 ตามความคิดเห็นของผู้บริหารโรงเรียน ครูที่รับผิดชอบด้านเทคโนโลยีและครูผู้สอน จำแนกตามสถานภาพการดำรงตำแหน่งและขนาดโรงเรียนต่างกัน พบว่า สมรรถนะด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของผู้บริหาร แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และ .05 ส่วนจำแนกตามประสบการณ์ในการปฏิบัติงานต่างกัน พบว่า สมรรถนะด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของผู้บริหารไม่แตกต่างกัน
4. การเปรียบเทียบประสิทธิผลการบริหารงานวิชาการ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 1 ตามความคิดเห็นของผู้บริหารโรงเรียน ครูที่รับผิดชอบด้านเทคโนโลยีและครูผู้สอน จำแนกตาม สถานภาพการดำรงตำแหน่งและประสบการณ์ในการปฏิบัติงานต่างกันโดยรวมพบว่าแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ส่วนจำแนกตามขนาดโรงเรียนต่างกัน พบว่า ประสิทธิผลการบริหารงานวิชาการโรงเรียนแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
5. สมรรถนะด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของผู้บริหารกับประสิทธิผลการบริหารงานวิชาการมีความสัมพันธ์ทางบวก อยู่ในระดับสูง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
6. แนวทางการพัฒนาสมรรถนะด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของผู้บริหารมี 3 ด้านที่ต้องนำไปหาแนวทางในการพัฒนา คือ 1. ด้านการสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ 2. ด้านการสนับสนุนส่งเสริมและการจัดการเทคโนโลยีและ 3. ด้านจริยธรรม กฎหมาย และความปลอดภัย
Abstract
The purposes of this research were to examine, compare, identify the productive power, and establish guidelines for developing the information technology competency of administrators and the effectiveness of academic affairs administration under Sakon Nakhon Primary Educational Service Area Office 1. The research sample, obtained through a randomization method, consisted of 89 school administrators, 89 teachers in charge of technology, and 178 teachers, yielding a total of 356 participants under Sakon Nakhon Primary Educational Service Area Office 1. The sample size was determined by Krejcie and Morgan table. The data were collected using a set of 5 - point Likert scale questionnaires, a set of questionnaires on information technology competency of administrators with the reliability of .946, and the effectiveness of academic affairs administration with the reliability of .971. The data were analyzed using percentage, mean, standard deviation. t-test, One-Way ANOVA, and Pearson’s product-moment correlation coefficient.
The findings revealed that:
1. The information technology competency of administrators as a whole and in each aspect was rated at a high level.
2. The effectiveness of academic affairs administration as a whole and in each aspect was rated at a high level.
3. The result comparison of administrators’ information technology competency as perceived by participants classified by positions and school sizes, revealed that administrators’ information technology competency showed differences at the 0.05 level of significance. In terms of work experience, the information technology competency of administrators showed no differences.
4. The result comparison of the effectiveness of academic affairs administration, as perceived by participants classified by positions and work experience as a whole showed differences at the .01 level of significance, whereas the effectiveness of school academic affairs administration showed differences at the .05 level of significance.
5. The administrators’ information technology competency had a positive relationship with the effectiveness of academic affairs administration at a high level with the .01 level of significance.
6. The guidelines for developing administrators’ information technology competency consisted of three aspects needing improvement: 1) Supporting Learning Management, 2) Promoting Information Technology Management, and 3) Ethics, Law, and Safety
คำสำคัญ
สมรรถนะด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ, ประสิทธิผลการบริหารงานวิชาการKeyword
Information Technology Competency, Effectiveness of Academic Affairs Administrationกำลังออนไลน์: 91
วันนี้: 2,114
เมื่อวานนี้: 1,740
จำนวนครั้งการเข้าชม: 57,313
อาคารบัณฑิตวิทยาลัย ชั้น 2 ตำบลธาตุเชิงชุม อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร 47000 โทร/ แฟกซ์ 0-4297-0036
บรรณาธิการ: รองศาสตราจารย์ ดร.ไชยา ภาวะบุตร
ติดต่อ/สอบถาม: นายธีรเวทย์ เพียรธัญญกรณ์
โทร: 0-4297-0093