บทคัดย่อ
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อ 1) ศึกษาสภาพและปัญหาในการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้โรงเรียนบ้านกุดแข้ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษามุกดาหาร 2) หาแนวทางในการพัฒนาศักยภาพครูในการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้โรงเรียนบ้านกุดแข้ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษามุกดาหาร และ 3) ศึกษาผลการพัฒนาศักยภาพครูในการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้โรงเรียนบ้านกุดแข้ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษามุกดาหาร ใช้กระบวนการวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action Research) ดำเนินการ 2 วงรอบ แต่ละวงรอบประกอบด้วย 4 ขั้นตอน คือ ขั้นการวางแผน ขั้นการปฏิบัติการ ขั้นการสังเกตการณ์ และขั้นการสะท้อนกลับ กลุ่มเป้าหมายในการวิจัยครั้งนี้ คือ กลุ่มผู้ร่วมวิจัย 6 คน ประกอบด้วย ผู้วิจัย 1 คน และผู้ร่วมวิจัย 5 คน เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่ แบบสัมภาษณ์ แบบทดสอบ แบบสอบถาม แบบประเมิน และแบบบันทึกการสังเกต การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณใช้สถิติ ค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ ค่าร้อยละความก้าวหน้า ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การตรวจสอบข้อมูลเชิงคุณภาพผู้วิจัยได้ทำการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) จัดหมวดหมู่ของเนื้อหาและนำเสนอข้อมูลเชิงพรรณนาวิเคราะห์
ผลการวิจัย พบว่า
1. ผลการศึกษาสภาพและปัญหาเกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้
1.1 สภาพของการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ พบว่า ครูส่วนมากไม่เคยจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ สำหรับครูที่จัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ กระทำโดยมอบหมายให้นักเรียนไปทำงานส่งในแต่ละภาคเรียนแต่ไม่ได้ให้คำปรึกษา ครูส่วนใหญ่จัดการเรียนรู้แบบบรรยายทำให้ผู้เรียนขาดโอกาสในการศึกษา ค้นคว้าจากแหล่งเรียนรู้ที่หลากหลาย การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ของครู ไม่สอดคล้องกับความต้องการ ความถนัด และความแตกต่างระหว่างบุคคล
1.2 ปัญหาเกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ของครูพบว่าส่วนมากไม่มีความรู้ ความเข้าใจ ขาดความมั่นใจในการจัดการเรียนรู้ เนื่องจากไม่ได้รับการอบรมเกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ และขาดการนิเทศติดตามผล
2. แนวทางการพัฒนาศักยภาพครูในการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ ในวงรอบที่ 1 ใช้แนวทางการพัฒนา 2 แนวทาง ประกอบด้วย 1) การประชุมเชิงปฏิบัติการ 2) การนิเทศและติดตามผลแบบเพื่อนช่วยเพื่อน ในวงรอบที่ 2 ใช้แนวทางการพัฒนาโดยการประชุมเชิงปฏิบัติการแบบเข้มที่มุ่งเน้นการเขียนแผนการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้และนิเทศติดตามผลแบบให้คำชี้แนะ (Coaching)
3. ผลการพัฒนาศักยภาพครูในการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ ด้านความรู้ ความเข้าใจ ในวงรอบที่ 1พบว่า จากคะแนนเต็ม 20 คะแนนก่อนการพัฒนาผู้ร่วมวิจัย มีความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ ในระดับพอใช้ (=11.66) คะแนนเฉลี่ยคิดเป็นร้อยละ 58.30 หลังจากได้รับการพัฒนาผู้ร่วมวิจัย มีความรู้ ความเข้าใจ อยู่ในระดับดีมาก (=18.50) คิดเป็นร้อยละ 92.50 ด้านการเขียนแผนการจัดการเรียนรู้ ในวงรอบที่ 1 พบว่า มีผลการประเมินโดยรวม อยู่ในระดับปานกลาง (=2.72) และนำไปพัฒนาเพิ่มเติมในวงรอบที่ 2 พบว่า ผู้ร่วมวิจัยมีผลการประเมิน อยู่ในระดับมาก (=4.31) โดยมีค่าร้อยละความก้าวหน้า เท่ากับ 69.30 และด้านการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ในชั้นเรียน ในวงรอบที่ 1 มีคุณภาพอยู่ในระดับมาก (=3.76) ส่วนในวงรอบที่ 2 มีคุณภาพอยู่ในระดับมากเช่นกัน (=4.10) แต่มีค่าร้อยละความก้าวหน้า เท่ากับ 26.61
Abstract
ABSTRACT
The purposes of this study were to 1) investigate the current states and problems in the evelopment of the teachers’ potential in managing Inquiry-based Learning Ban Kut Khae School under the Office of Mukdahan Primary Educational Service Area, 2) find out the development of the teachers’ potentiality in managing Inquiry-based Learning, and 3) follow up the development of the teachers’ competence in managing Inquiry-based Learning. The research employed two spirals of a four-stage action research process comprising planning, action, observation, and reflection. The target group consisted of the researcher and 5 co-researchers. The instruments used were a form of interview, a test, a questionnaire, a form of assessment, and a form of observation record. The statistics applied for analyzing quantitative data were mean, percentage, Percentage of Progress, and standard deviation. Content analysis was employed to analyze qualitative data in forms of content classification and descriptive analysis.
The findings of this study were as follows:
1. The effects of the investigation on the current states and problems in managing Inquiry-based Learning were:
1.1 The current states of the management of Inquiry-based Learning indicated that most of the teachers never applied Inquiry-based Learning. For those who applied Inquiry-based Learning they did it through the assignment of works as homework to be done for the period of the semester but without recommendations. The majority of the teachers employed the lecture-style teaching making the learners lack educational opportunities through the search for knowledge from diverse learning resources. The teachers’ learning management on Inquiry-based Learning was inconsistent with the learners’ needs, expertise and individual difference.
1.2 Regarding the current problems on Inquiry-based Learning among the teachers revealed that the majority of the teachers faced a lack of knowledge, understanding, self-confidence in managing the learning because they were not provided with trainings based on Inquiry-based Learning as well as monitoring technique.
2. The guidelines of the development of the management of Inquiry-based Learning employed 2 means of development including 1) a workshop, 2) ‘Peer-Help-Peer” monitoring supervision, The second spiral, a workshop focusing on the writing of lesson plans based on Inquiry-based Learning and coaching supervision.
3. The effects of the development of the teachers’ potentiality in Managing Inquiry-based Learning, in the first spiral, concerning knowledge and understanding revealed that, before the development, the co-researchers obtained knowledge, understanding regarding the management of Inquiry-based Learning at the fair level (= 11.66) or 58.30 percent. After the intervention, it was found that the co-researchers gained knowledge and understanding on the implementation of the management of Inquiry-based Learning at the highest level (=18.50) or 92.50 percent. In case of the writing of the lesson plans, it was determined that the effects of the evaluation of the writing was at the fairly good level in general (=4.31) with Percentage of Progress of 69.30. Regarding the management of the search for knowledge on Inquiry-based Learning in classroom, the quality was at the high level in the first spiral (=3.76). In the second spiral, the quality was also at the high level but with Percentage of Progress of 26.61.
คำสำคัญ
การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้Keyword
Inquiry –Based Learning managementกำลังออนไลน์: 35
วันนี้: 2,259
เมื่อวานนี้: 1,740
จำนวนครั้งการเข้าชม: 57,458
อาคารบัณฑิตวิทยาลัย ชั้น 2 ตำบลธาตุเชิงชุม อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร 47000 โทร/ แฟกซ์ 0-4297-0036
บรรณาธิการ: รองศาสตราจารย์ ดร.ไชยา ภาวะบุตร
ติดต่อ/สอบถาม: นายธีรเวทย์ เพียรธัญญกรณ์
โทร: 0-4297-0093