...
...
เผยแพร่: 21 ก.ย. 2568
หน้า: 143-154
ประเภท: บทความวิจัย/บทความวิทยานิพนธ์
View: 17
Download: 7
Download PDF
ความต้องการจำเป็นและแนวทางการพัฒนาการบริหารงานวิชาการโรงเรียนมาตรฐานสากล ในโรงเรียนมัธยมศึกษา ศึกษาธิการภาค 11
Needs And Guideline for Developing Academic Affairs Administration of World – Class Standard Secondary School under The Regional Education Office NO.11
ผู้แต่ง
ปัญญาพัตน์ การุญ, ธวัชชัย ไพใหล, ประภัสร สุภาสอน
Author
Panyaphat Karun, Tawatchai Pailai, Praphat Suphasorn

บทคัดย่อ

    การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อ ศึกษาสภาพปัจจุบัน สภาพที่พึงประสงค์ ความต้องการจำเป็นและแนวทางพัฒนาการบริหารงานวิชาการโรงเรียนมาตรฐานสากลในโรงเรียนมัธยมศึกษา กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษา และครูผู้สอน ศึกษาธิการภาค 11 จำนวน 352 คน จำแนกเป็นกลุ่มผู้บริหารสถานศึกษา จำนวน 44 คน และครูผู้สอน จำนวน 308 คน การกำหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่างใช้ตารางของเครจซี่และมอร์แกน 
สุ่มกลุ่มตัวอย่างโดยใช้การสุ่มแบบแบ่งชั้น เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย เป็นแบบสอบถามและแบบสัมภาษณ์ สภาพปัจจุบันมีค่าอำนาจจำแนกรายข้ออยู่ระหว่าง 0.612 – 0.963 และมีค่าความเชื่อมั่น เท่ากับ 0.986 และสภาพที่พึงประสงค์มีค่าอำนาจจำแนกรายข้ออยู่ ระหว่าง 0.335 – 0.925 และค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.977 ตามลำดับ วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าดัชนีความต้องการจำเป็น การทดสอบที การวิเคราะห์ความแปรปรวน และการวิเคราะห์เชิงเนื้อหา
    ผลการวิจัยพบว่า
        1. สภาพปัจจุบันของการบริหารงานโรงเรียนมาตรฐานสากลในโรงเรียนมัธยมศึกษา โดยรวมอยู่ในระดับมาก ส่วนสภาพที่พึงประสงค์โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด
        2. ผลการเปรียบเทียบความแตกต่างสภาพปัจจุบันของการบริหารงานวิชาการโรงเรียนมาตรฐานสากลในโรงเรียนมัธยมศึกษา จำแนกตามสถานภาพการดำรงตำแหน่ง จำแนกตามสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาที่สังกัดและจำแนกตามประสบการณ์การปฏิบัติงาน โดยรวม พบว่า มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 
        3. ผลการเปรียบเทียบความแตกต่างสภาพที่พึงประสงค์ของการบริหารงานวิชาการโรงเรียนมาตรฐานสากลในโรงเรียนมัธยมศึกษา จำแนกตามสถานภาพการดำรงตำแหน่งและจำแนกตามประสบการณ์ในการปฏิบัติงานโดยรวม พบว่า แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ส่วนจำแนกตามเขตพื้นที่การศึกษาที่สังกัดโดยรวมพบว่า ไม่แตกต่างกัน 
        4. ความต้องการจำเป็นในพัฒนาการบริหารงานวิชาการโรงเรียนมาตรฐานสากลในโรงเรียนมัธยมศึกษาตามความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษาและครูผู้สอน โดยเรียงลำดับความสำคัญจากมากไปหาน้อย คือ ด้านการวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน ด้านการพัฒนาหลักสูตร และลำดับสุดท้าย คือ ด้านพัฒนากระบวนการเรียนรู้
        5. แนวทางการพัฒนาการบริหารงานวิชาการโรงเรียนมาตรฐานสากลในโรงเรียนมัธยมศึกษา ศึกษาธิการภาค 11 ที่ได้จากการเก็บข้อมูลภาคสนามของโรงเรียนที่มีความเป็นเลิศ (Best Practice) การบริหารงานวิชาการโรงเรียนมาตรฐานสากลในโรงเรียนมัธยมศึกษา ทั้ง 3 ด้าน จนประสบผลสำเร็จเป็นที่ประจักษ์ มี 3 ด้าน ดังนี้ 1) ด้านการวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน ผู้บริหารสถานศึกษาควรกำหนดนโยบายส่งเสริมให้ครูทำวิจัยในชั้นเรียน จัดประชุมชี้แจงแนวทาง จัดอบรมและสนับสนุนงบประมาณ ส่งเสริมการสร้างนวัตกรรม จัดทำฐานข้อมูลวิจัย ประสานงานกับหน่วยงานภายนอก และนำผลวิจัยไปใช้ปรับปรุงการเรียนการสอนและต่อยอดงานวิจัยต่อไปในครั้งต่อไป 2) ด้านการพัฒนาหลักสูตร ผู้บริหารสถานศึกษาควรกำหนดนโยบายการจัดทำหลักสูตรให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล วิเคราะห์ความต้องการของสังคมและศักยภาพของโรงเรียน ทบทวนปัญหาเดิม พัฒนาหลักสูตรให้หลากหลายและตอบสนองผู้เรียน ผู้ปกครอง และชุมชน พร้อมประเมินผลเพื่อปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง 3) ด้านการพัฒนากระบวนการเรียนรู้ ผู้บริหารสถานศึกษาควรวางแผนพัฒนากระบวนการเรียนรู้โดยคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล กำหนดนโยบายให้จัดการเรียนรู้แบบเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ส่งเสริมการเรียนรู้ที่เน้นทักษะและการปฏิบัติจริง ติดตามการใช้หลักสูตรของครู จัดสิ่งแวดล้อมและแหล่งเรียนรู้ให้เหมาะสม พร้อมทั้งจัดหาสื่อและอุปกรณ์ที่สนับสนุนการสอนอย่างมีประสิทธิภาพ

Abstract

    This research aimed to study the current conditions, desired conditions, essential needs, and development guidelines for academic affairs administration in World-Class Standard secondary schools under the Education Region Office no. 11. The sample group consisted of 352 participants, including 44 school administrators and 308 teachers. The sample size was determined using Krejcie and Morgan's table, and stratified random sampling was employed. The research employed a questionnaire and an interview protocol as the primary instruments. For the current conditions, the questionnaire showed item discrimination indices ranging from 0.612 to 0.963 with a reliability coefficient of 0.986, while for the desired conditions, the indices ranged from 0.335 to 0.925 with a reliability coefficient of 0.977. Data were analyzed using percentage, mean, standard deviation, Priority Needs Index, t - test, analysis of variance, and content analysis.
    The findings were as follows:
        1. The current state of academic administration in World-Class Standard secondary schools was rated at a high level overall, while the desired state was rated at the highest level.
        2. Comparison of the current state of academic affairs administration, classified by position, educational service area, and years of experience, showed statistically significant differences at the .01 level.
        3. Comparison of the desired state, classified by position and years of experience, also revealed statistically significant differences at the .01 level, while classification by educational service area indicated no significant difference.
        4. The priority needs for developing academic affairs administration, as perceived by school administrators and teachers, were ranked from highest to lowest as follows: research for teaching and learning development, curriculum development, and learning process development.
        5. Development guidelines, drawn from best practices of high - performing schools under the Education Region Office no. 11, covered three main areas. First, in research for teaching and learning development, school administrators should formulate policies that encourage classroom research, provide training and financial support, promote innovation, establish research databases, collaborate with external agencies, and utilize research findings to enhance teaching and learning. Second, in curriculum development, administrators should ensure that curricula align with the World - Class Standard framework, respond to societal needs and the school’s capacity, review past issues, diversify curricular offerings to meet the needs of learners, parents, and the community, and carry out continuous evaluations for improvement. Third, in learning process development, planning should consider individual differences, emphasize learner - centered approaches, promote skill - based and practical learning, monitor curriculum implementation, provide suitable learning environments, and equip classrooms with effective teaching materials and resources.

คำสำคัญ

ความต้องการจำเป็น, การบริหารงานวิชาการ, โรงเรียนมาตรฐานสากล

Keyword

Needs, Academic Affairs Administration, World – Class Standard School

สำนักงานสาขาวิชาการบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร

อาคารบัณฑิตวิทยาลัย ชั้น 2 ตำบลธาตุเชิงชุม อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร 47000
โทร/ แฟกซ์ 0-4297-0093

ติดต่อเรา

บรรณาธิการ: รองศาสตราจารย์ ดร.ไชยา ภาวะบุตร

ติดต่อ/สอบถาม: นายธีรเวทย์ เพียรธัญญกรณ์

โทร: 0-4297-0093